สวัสดีครับวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ Money Management กันหรือที่เทรดเดอร์มักจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า MM เป็นหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมากไม่แพ้เทคนิคการเทรด ไม่มีเทรดเดอร์คนไหนประสบความสำเร็จโดยปราศจากการบริหารเงินในพอร์ต เพราะว่าตลาดไม่ได้ดีทุกวันเสมอไปครับ เราจึงต้องบริหารความจัดการความเสี่ยงด้วย Money Management
ตัวอย่าง กรณีพอร์ตลงทุน 100$ เทรดเดอร์ต้องกำหนดจำนวน % กำไรและขาดทุนต่อวันและขนาดของออเดอร์ที่ใช้เทรดแต่ละครั้ง เช่น กรณีกำหนดเป้าเสีย (Stop loss) ไม่ควรเกิน 20% ต่อวัน มือใหม่ควรต่ำกว่านี้ สำหรับเป้าหมายกำไร ไม่ควรเกิน 50% สาเหตุที่ไม่ควรเกินเพราะจะทำให้เทรดมากเกินไปและเสี่ยงต่อการขาดทุน ควรเทรดเน้นอยู่รอดในระยะยาวรักษาเงินทุนเป็นหลัก อย่ารีบร้อนในการทำกำไร พอร์ตเงินลงทุนก็ควรเป็นเงินเย็นห้ามกู้เงินมาลงทุนโดยเด็ดขาด ข้อนี้ขอเน้นย้ำเป็นพิเศษเพราะการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ
สำหรับกลยุทธ์การบริหารเงินได้แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 1 เทรดเท่ากันทุกออเดอร์
การบริหารเงินแบบที่ 1 จะเป็นการบริหารเงินที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แบบที่ 2-3 การบริหารเงินลักษณะนี้จะเน้น Winrate ที่สูงถึงจะอยู่รอดในตลาดได้ สำหรับการบริหารเงินลักษณะนี้ควรมี Winrate อยู่ที่ 60% ขึ้นไป (คำนวณจาก จำนวนออเดอร์ที่ชนะ / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด * 100) การลงแต่ละออเดอร์ไม่ควรเกิน 5% ของพอร์ต
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 2 Martingale
การบริหารเงินแบบ Martingale จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 3 Dynamic
การบริหารเงิน แบบที่ 3 เป็นการผสมผสานกันระหว่างแบบที่ 1-2 โดยกลยุทธ์คือ ปกติจะลงออเดอร์เท่ากันทุกไม้ แต่จะแตกต่างที่จะลงออเดอร์ที่มั่นใจมากขึ้น เช่น ปกติลงออเดอร์ละ 5% เท่ากันทุกออร์เดอร์ ออเดอร์ที่มั่นใจอาจขยับขึ้นเป็น 10% ออเดอร์ที่ไม่มั่นใจอาจจะลดขนาดลงต่ำกว่า 5% การบริหารเงินลักษณะนี้เป็นการบริหารเงินที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเสร็จส่วนใหญ่มักนำมาใช้
สรุป การบริหารเงินนั้นมีหลายรูปแบบในบทความนี้เป็นการยกตัวอย่างการบริหารเงินในแต่ละรูปแบบเท่านั้น เทรดเดอร์สามารถนำมาประยุกต์ปรับปรุงให้เข้ากับเทคนิคของตนเองหรือความเสี่ยงที่รับได้ หากบทความนี้เป็นประโยชน์สามารถกดไลค์และแชร์ได้นะครับ
ตัวอย่าง กรณีพอร์ตลงทุน 100$ เทรดเดอร์ต้องกำหนดจำนวน % กำไรและขาดทุนต่อวันและขนาดของออเดอร์ที่ใช้เทรดแต่ละครั้ง เช่น กรณีกำหนดเป้าเสีย (Stop loss) ไม่ควรเกิน 20% ต่อวัน มือใหม่ควรต่ำกว่านี้ สำหรับเป้าหมายกำไร ไม่ควรเกิน 50% สาเหตุที่ไม่ควรเกินเพราะจะทำให้เทรดมากเกินไปและเสี่ยงต่อการขาดทุน ควรเทรดเน้นอยู่รอดในระยะยาวรักษาเงินทุนเป็นหลัก อย่ารีบร้อนในการทำกำไร พอร์ตเงินลงทุนก็ควรเป็นเงินเย็นห้ามกู้เงินมาลงทุนโดยเด็ดขาด ข้อนี้ขอเน้นย้ำเป็นพิเศษเพราะการลงทุนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ
สำหรับกลยุทธ์การบริหารเงินได้แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 1 เทรดเท่ากันทุกออเดอร์
การบริหารเงินแบบที่ 1 จะเป็นการบริหารเงินที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า แบบที่ 2-3 การบริหารเงินลักษณะนี้จะเน้น Winrate ที่สูงถึงจะอยู่รอดในตลาดได้ สำหรับการบริหารเงินลักษณะนี้ควรมี Winrate อยู่ที่ 60% ขึ้นไป (คำนวณจาก จำนวนออเดอร์ที่ชนะ / จำนวนออเดอร์ทั้งหมด * 100) การลงแต่ละออเดอร์ไม่ควรเกิน 5% ของพอร์ต
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 2 Martingale
การบริหารเงินแบบ Martingale จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่
- Loss Martingale การบริหารเงินลักษณะนี้เป็นการบริหารเงินที่เสี่ยงมาก ๆ เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ทุนหนา หรือบัญชีเทรด Tournament ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่ การเดินไม้จะเป็นลักษณะทบไปเรื่อย ๆ เพื่อตามทุนกลับมา แนะนำไม่ควรตามเกิน 4 ไม้ ข้อดีคือสามารถตามทุนในออเดอร์แรกกลับมาได้ ยกตัวอย่าง ดังภาพ
- Win Martingale การบริหารเงินลักษณะนี้จะตรงข้ามกับ Loss Martingale โดยจะเป็นลักษณะอัตราทบ จนถึงจำนวนออเดอร์ที่กำหนด ข้อดีคือ ทำให้ได้กำไรมากขึ้นในความเสี่ยงเท่าเดิม ยกตัวอย่างดังภาพ
กลยุทธ์บริหารเงินรูปแบบ 3 Dynamic
การบริหารเงิน แบบที่ 3 เป็นการผสมผสานกันระหว่างแบบที่ 1-2 โดยกลยุทธ์คือ ปกติจะลงออเดอร์เท่ากันทุกไม้ แต่จะแตกต่างที่จะลงออเดอร์ที่มั่นใจมากขึ้น เช่น ปกติลงออเดอร์ละ 5% เท่ากันทุกออร์เดอร์ ออเดอร์ที่มั่นใจอาจขยับขึ้นเป็น 10% ออเดอร์ที่ไม่มั่นใจอาจจะลดขนาดลงต่ำกว่า 5% การบริหารเงินลักษณะนี้เป็นการบริหารเงินที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเสร็จส่วนใหญ่มักนำมาใช้
สรุป การบริหารเงินนั้นมีหลายรูปแบบในบทความนี้เป็นการยกตัวอย่างการบริหารเงินในแต่ละรูปแบบเท่านั้น เทรดเดอร์สามารถนำมาประยุกต์ปรับปรุงให้เข้ากับเทคนิคของตนเองหรือความเสี่ยงที่รับได้ หากบทความนี้เป็นประโยชน์สามารถกดไลค์และแชร์ได้นะครับ
“General Risk Warning: The financial products offered by the company carry a high level of risk and can result in the loss of all your funds. You should never invest money that you cannot afford to lose.”
"คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยง : การเทรด Binary Options อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้น กรุณาทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุน"